กาแฟกับคนไทย

ทีแรกว่าจะ ปล่อยหน้า wordpress ให้ว่างเอาไว้เฉยๆ เพราะ .. “ความเหนื่อย”
แต่ก็นะ .. ทิ้งไม่ลง
เดี๋ยวจะไม่มีคนอ่าน ..(ยิ่งไม่ค่อยมีอยู่แล้ว)

ในที่สุดก็ได้เจอ “คุณซาน” Espressofriend.com ที่มาจากเมืองไทยครับ
แล้วก็ “คุณปอง” doublemacchiato.bloggang.com ที่เป็นบาริสต้าอยู่ที่นี่
อุตสาห์มาหาผมถึงที่ roasting warehouse ขอบคุณมากครับ
เสียดายที่ผมก็ติดงานเลยไม่ได้ไปร่วมวงชิมกาแฟด้วยกัน
อย่างไรก็ดี ผมก็ยังได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเรื่อง กาแฟ อยู่หลายเรื่อง

หนึ่งในเรื่อง ที่น่าสนใจ สำหรับผมก็คือ ตลาดกาแฟในเมืองไทย

ว่ากันว่า ..“คนไทยชอบดื่ม กาแฟเย็น” .. จริง .. อย่างไม่ต้องสงสัย?
เพราะเมืองไทยเป็นเมืองร้อน ต่อให้เปิดแอร์ฉ่ำๆแล้ว คนไทยก็ติดดื่มกาแฟเย็นอยู่ดี

ว่ากันว่า ..“คนไทยดื่มกาแฟ หวาน นมน้ำตาลต้องมี” .. ก็จริง .. อีกครับ?
วัฒนธรรมการดื่มการแฟโบราณของเรา ฝังรากลึกมานาน
การเติมนมข้นและน้ำตาล ในกาแฟเข้ม ก็เป็นเอกลักษณ์ของไทยเรา

ว่ากันว่า ..“หากใครคิดขายกาแฟร้อนแบบเมืองนอก ก็ย่อมเจ๊งไม่เป็นท่าทุกรายไป”

ถ้าใช่ ..ก็แปลว่า เราเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็น เหมือนเรากลัวผี
ถ้าไม่ .. ก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า “ทำไมถึงเจ๊ง ไม่เจ๊งเพราะอะไร”
บางคนบอกว่า “เพราะคุณไม่เคยเปิดคุณไม่รู้หรอก ผมเปิดแล้ว เจ๊งแล้ว ผมรู้”
บางคนบอกว่า “ร้านเปิดอยู่ได้ เพราะขายของตามน้ำไป ลูกค้าอยากได้อะไรก็จัดให้”
บางคนก็บอกว่า “เชื่อมั้ย ขายข้าวมันไก่ ยังกำไรดีกว่าเปิดร้านกาแฟอีก”

คุณ เชื่อ .. มั้ยครับ

บางคนพยักหน้าหงกๆ
บางคนส่ายหน้าหงึกๆ
บางคนก็นั่งมองเฉยๆ
..ต่างคน ต่างมอง ในมิติที่ต่างกัน

สำหรับผม

ผมพยักหน้า หงกๆ ตรง “การค้าขายก็มี ขึ้นมีลง มีกำไรขาดทุน”
ผมส่ายหน้า หงึกๆ ตรง “การขายของ โดยไม่มี จุดยืน ไม่รู้ความต้องการของเรา”
ผมรู้สึก เฉยๆ ถ้ามี คนบอกว่า “ธุรกิจข้าวมันไก่ ไปได้ดีกว่าร้านกาแฟ”

คนเรามักให้น้ำหนักกับเรื่องที่ ล้มเหลว ว่า  ….ต้องฟังบ้าง มันเป็น ประสบการณ์จริง
แต่มักมองว่า การทำเรื่องยากๆให้สำเร็จ นั้น ….เหลือเชื่อ หนึ่งในร้อยถึงจะทำได้

ที่คิดบางคนแบบนั้น เพราะคิดว่าการประสบความล้มเหลวทำได้ง่ายกว่า
ส่วนการทำอะไรให้ประสบความสำเร็จนั้น ทำยาก แถมไม่ใช่ว่าเก่งแล้วทำได้
ต้องอาศัย”ดวง”ด้วย .. เอาเข้าไป

สังคมเราถูกสอนให้เชื่อตามๆกันมา
อะไรที่เขาว่าดี เราก็เห็นว่า ดีด้วย
อะไรที่เขาว่าไม่ดี เราก็มองว่า มันไม่ดี
เหมือนภาษิตที่เขาบอกว่า “เดินตามรอยเท้าผู้ใหญ่ หมาไม่กัด”
ถามว่า รู้หรือยังว่า “หมา” มันมี จริง รึปล่าว

อาจจะเป็น แมว ก็ได้ หรือไม่ก็มด หรือ ช้าง หรือ ไม่มีอะไรเลย

ผมไม่ได้เถียงเพราะเป็น “คนนอกกรอบ”
หรือ มองโลกในแง่ดีจนทำให้ไม่เห็นความเป็นจริง

แต่กำลังจะบอกว่า “ถ้ามันเป็นเรื่องจริง มันต้องพิสูจน์ได้”
โลกไม่ได้ไร้ที่ยืน สำหรับความคิดริเริ่มใหม่ๆ ใน วงเล็บว่า ต้องสร้างสรรค์ด้วย
ถ้า คิดอะไรใหม่ๆ แต่”ไม่สร้างสรรค์” ผมก็ไม่สนับสนุนครับ

กลับมาที่ตลาดกาแฟเมืองไทย

ทุกวันนี้ ผม มองว่า ตลาดกาแฟในเมืองไทย กำลังเติบโตในแนวกว้าง มากกว่าแนวลึก
เพราะความมีเสน่ห์ของเมล็ดสีน้ำตาลตุ่นๆ ผสมกับความมีเสน่ห์ของเม็ดเงิน
ทำให้หลายต่อหลายคนคนกระโจนเข้ามาในธุรกิจสีน้ำตาล

ทุกคนอยากให้เมล็ดสีน้ำตาลทำเงินให้ทั้งนั้น ..ก็จริงเพราะนี่คือธุรกิจ
โลกหมุนได้เพราะเงิน แต่มีเงินแต่ไม่มีความเข้าใจ ก็ทำให้เจ๊งได้ง่ายๆ
แล้วทำอย่างไรหละถึงจะทำเงินจากเมล็ดกาแฟได้

ผมถามว่า หากกาแฟขายได้ด้วยตัวมันเอง ก็แปลว่า …
ใครก็ได้ วางเครื่องทำกาแฟไว้หน้าร้าน ก็รวยทุกคน
..ไม่

หากกาแฟใช้ใครทำก็ได้ เราก็สามารถทำได้อร่อย ได้ทุกคน
..ไม่

หากขายกาแฟอร่อยๆ แล้วเราก็จะประสบความสำเร็จในธุรกิจ
.. ก็ไม่ ..เสมอไปอยู่ดี

กาแฟก็เป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงเหมือนกับธุรกิจอื่นๆ

ในขณะเดียวกัน หากมองในมิติ ของการทำธุรกิจ
การขจัดความเสี่ยง หรือ ทำให้เกิดความเสี่ยงน้อยลงนั้น
เราต้องทำความเข้าใจสินค้า ลูกค้า และบริการในทุกๆด้าน

ถามว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงน้อยที่สุด สำหรับตลาดเมืองไทยคือ บริการ
เพราะการบริการของตลาดเมืองไทยพัฒนาไปได้ไกลเท่าเทียมประเทศอื่นแล้ว

แต่สิ่งที่ยังเป็นเครื่องหมายคำถามอยู่ก็คือ สินค้า กับ ลูกค้า
ลูกค้า ทำให้เกิด สินค้า หรือ สินค้า ทำให้เกิด ลูกค้า
ทั้งสองอย่าง ยังมี ความ ห่าง กันอยู่ …….. “มาก”

ความน่าจะเป็น คือ ลูกค้า ทำให้เกิด สินค้า ในระยะแรก
แต่ สินค้า จะช่วย สร้างลูกค้า ในระยะถัดไป

กล่าวคือ ตลาดเมืองไทยส่วนใหญ่ยังเป็น ในลักษณะ ลูกค้า ทำให้เกิด สินค้า

คือ ขายกาแฟได้ เพราะยังมีคนกินอยู่เรื่อยๆ
หรือ ขายกาแฟแบบที่ลูกค้าชอบยังขายได้อยู่เรื่อยๆ
แต่ การเติบโตของกาแฟ ให้สร้างฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆนั้น
ยังเป็นไปอย่าง ..ช้า ..ช้า

เพราะ ไม่มิติอื่นใด ทำให้ลูกค้ามีความต้องการกาแฟใน มุมลึกไปกว่านั้น
ทุกคนมุ่งหาเม็ดเงินเอาวันนี้พรุ่งนี้ ไม่มีกล้าเสี่ยงเล่น กาแฟในมุมลึกๆ

บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่า มิติเดียวที่กาแฟจับต้องได้ง่ายคือ กาแฟไม่แพง

สิ่งเดียวที่ผมมีความเชื่อและหวังให้เกิดขึ้นในตลาดกาแฟของเมืองไทยคือ
การสื่อสารกันระหว่าง คนทำกาแฟ และคนดื่มกาแฟ ที่ดีขึ้นกว่า …

การไปยืนซื้อกาแฟ เพื่อ ต้องการคาเฟอีนหนึ่งแก้ว
แล้วก็ได้ คำทักทาย คำขอบคุณ และ เงินทอนพร้อมกับกาแฟหนึ่งแก้ว เดินออกมา

จะมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างนั้นไหม ..
จะมีใครทำอะไรซักอย่าง เพื่อ ให้กาแฟน่าสนใจขึ้นไหม ..นอกจากแข่งกันเรื่องราคา
หรือแข่งกันว่า ร้านนี้ใช้เครื่องทำกาแฟหรูๆ หรือเมล็ดกาแฟแพงๆ

บางคนคิดแต่ไม่ได้ทำ ..หรือ บางคนทำประสบความสำเร็จจริง แต่ไม่ได้คิดตรงจุดนี้

ทุกคนขายกาแฟ แต่น้อยคนที่ให้ความรู้เกี่ยวกับกาแฟ
และไม่ใช่กับคนขายกาแฟด้วยกันเอง แต่ควรจะเป็นลูกค้า

หากเขารู้จักกาแฟมากขึ้น คนทำกาแฟก็มีทางเลือกเยอะขึ้น
บางที แค่กาแฟเดิม …เดิม … ก็จะสร้างลูกค้าใหม่ๆให้เกิดขึ้นมา
ไม่จำเป็นต้องตีลังกาคิด กาแฟใหม่ๆให้หลุดโลก

หรือรอให้ฝรั่ง แบรนด์ใหญ่ๆครอบงำ ใส่ความรู้ให้เราอย่างเดียว
กาแฟไม่ได้ปลูกในเมืองฝรั่งตาน้ำข้าวเสียเมื่อไรหละ

ลองคิดในมิตินี้แล้ว ลองมามองกันใหม่ว่า

ไม่ใช่เพราะเมืองไทยร้อน เลยขายได้แต่กาแฟเย็น
และไม่ใช่กาแฟนมน้ำตาล จะขายได้ดีในเมืองไทยอย่างเดียว

ตลาดกาแฟเมืองไทยยังไม่ตัน แล้วก็ไม่ได้เพิ่งเริ่ม
แต่มีบางอย่างที่เราไม่ได้ทำกันจริงจัง หรือปล่าว เท่านั้นเอง


13 responses to “กาแฟกับคนไทย

ส่งความเห็นที่ postcoffee ยกเลิกการตอบ